Smart Logistics Lab: จาก Smart Warehouse สู่การจัดการโลจิสติกส์ด้วย Real-time Data Analytics

Smart Logistics Lab: จาก Smart Warehouse สู่การจัดการโลจิสติกส์ด้วย Real-time Data Analytics

การจัดการบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) สามารถช่วยให้ธุรกิจประหยัดเงินได้จำนวนมหาศาลหากสามารถจัดการให้สินค้าของเรามีไม่ขาดไม่เกิน หรือเรียกได้ว่าอยู่ในจุดที่พอเหมาะที่สุด (Inventory Optimization) เมื่อคุณเป็นเจ้าของกิจการ พนักงานขาย พนักงานจัดซื้อ หรือพนักงานส่วนใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้า และถ้าคุณมีเงินลงทุนเหลือเฟือที่จะสั่งวัตถุดิบสำหรับการผลิตสินค้ามาเป็นจำนวนมากมาเก็บไว้ในคลังสินค้าของคุณ เพียงเพราะเห็นว่ายิ่งสั่งเยอะยิ่งราคาต่อหน่วยถูกลง มันก็คงไม่เป็นปัญหาอะไรถ้าเงินของธุรกิจของคุณมีเหลือล้นฟ้า

แต่ในโลกธุรกิจจริงไม่สามารถเป็นอย่างนั้นได้ การสั่งวัตถุดิบที่สั่งมากมายมาเก็บไว้นั้นย่อมมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาถ้าไม่รีบดำเนินการเข้ากระบวนการผลิตเป็นสินค้า ซึ่งก็ต้องมีการคำนวณเกี่ยวกับกำลังการผลิตของเครื่องจักรภายในโรงงานมาเกี่ยวข้องว่าสามารถรองรับการผลิตต่อวันได้เท่าไร หากผลิตมากเกินไปก็จะเป็นไปสินค้าที่เก็บค้างอยู่ในคลังสินค้า หากผลิตน้อยเกินไปก็อาจจะขาดตลาด ไม่มีสินค้าเพียงพอสำหรับการขายทำกำไรในช่วงที่มีโอกาส ความขาดๆเกินๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้จะสะท้อนออกมาในงบดุลและงบกำไรขาดทุนของบริษัทอย่างไม่น่าดูนัก ทำให้ย้อนกลับไปสู่หัวใจหลักของการจัดการโลจิสติกส์ คือ “Be in the right place at the right time”

Smart Logistics Lab ทดลองการจัดการโลจิสติกส์ให้ลงตัว

ด้วย Smart Logistics Lab ของสาขาการจัดการโลจิสติกส์ นิด้า (LM NIDA) ที่สามารถช่วยให้การเรียนรู้เทคโนโลยีในด้านการจัดการโลจิสติกส์เข้าใจและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพราะการเรียนรู้ของธุรกิจในปัจจุบันรวมถึงอนาคตนั้นคือการจัดการโลจิสติกส์ด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆเช่น Internet of Things (IOT) การเข้าใจข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) การนำข้อมูลมาวิเคราะห์ (Data Analytics) การคำนวณแบบเรียลไทม์ (Real-time Analytics) และการนำความรู้ทางด้านการคิดวิเคราะห์ในรูปแบบอีกต่างๆอีกมากมาย เพื่อนำความรู้เหล่านี้มาออกแบบวางแผนการจัดซื้อ การวางแผนการผลิต การจัดการคลังสินค้า การวางแผนกระจายสินค้า หรือที่เรียกรวมกันทั้งหมดว่าการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management) ให้เป็นระบบและมีประสิทธิภาพสูงสุด

เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงของตัวเลขเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ในธุรกิจขนาดใหญ่ อาจจะหมายถึงมูลค่ากว่าสิบล้านหรือร้อยล้านบาทที่สูญเสียไป เพียงเพราะการวางแผนขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งผิดพลาดไป ฉะนั้นการออกแบบการการเรียนรู้ที่สามารถให้ผู้เรียน เรียนรู้ผ่านความผิดพลาดของตัวเองในสถานการณ์จำลองได้ ย่อมดีกว่าการได้รับบทเรียนจากความผิดพลาดที่สูญเสียเป็นเม็ดเงินมหาศาลในโลกธุรกิจจริง เป็นดั่งจุดมุ่งหมายหลักของ Smart Logistics Lab ที่ทางหลักสูตรของสาขาการจัดการโลจิสติกส์ นิด้า (LM NIDA) ได้ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงการทำงานแบบใหม่ที่ประยุกต์เทคโนโลยีเข้ากับวงการโลจิสติกส์ เพื่อการจัดการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แม้กระทั่งการเข้าใจถึงการวางแผนและพัฒนา Smart Warehouse ที่สามารถช่วยจัดการโลจิสติกส์ผ่านเทคโนโลยีและการคำนวณข้อมูลเชิงลึก

Smart Warehouse คืออะไร (ทำไมต้อง Smart Warehouse)

Smart Warehouse คือการจัดการคลังสินค้าในรูปแบบที่ฉลาดล้ำ สามารถตรวจสอบ เคลื่อนย้ายสินค้า กระจายสินค้าด้วยการนำหุ่นยนต์อัจฉริยะมาช่วยกระบวนการเหล่านี้ให้มีความแม่นยำและสามารถส่งข้อมูลโดยอัตโนมัติ ทั้งหมดนี้เพื่อรายงานสถานการณ์ของคลังสินค้าได้แบบรวดเร็ว ช่วยลดความเสี่ยงในการตัดสินใจกับการออกนโยบายในการรับมือสถานการณ์ของคลังสินค้าได้ และยังช่วยนำข้อมูลเหล่านั้นมาต่อยอดวางแผนผ่านการคำนวณในรูปแบบต่างๆตั้งแต่ Descriptive Analytics, Diagnostic Analytics, Predictive Analytics มาจนถึง Prescriptive Analytics หรือถ้าจะให้เข้าใจง่ายมากขึ้นนั้นคือการนำข้อมูล (Information) ที่อยู่ในคลังสินค้ามาคำนวณเพื่อผลลัพธ์สุดท้ายแล้วคือการหาจุดที่ดีที่สุดในการจัดการบริหารโลจิสติกส์นั้นเอง (Optimization)

Smart Logistics Lab ของสาขาการจัดการโลจิสติกส์ นิด้า (LM NIDA) สามารถช่วยให้ผู้เรียนได้และเข้าใจจากการลงมือปฏิบัติโดยจำลอง Smart Warehouse ขนาดย่อมขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจหลักการออกแบบกระบวนการจัดการ Smart Warehouse ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับบริบทของแต่ละธุรกิจที่มีความแตกต่างในการจัดการบริหารคลังสินค้า อย่างอุตสาหกรรมทางด้านอาหารก็ต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อให้วัตถุดิบและสินค้ายังคงความสดใหม่เมื่อถึงมือผู้บริโภค หากเป็นอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ก็ต้องผ่านการวางแผนวิเคราะห์ชิ้นส่วนจากแหล่งต่างๆ เพื่อนำมาประกอบเป็นสินค้า และจัดการบริหารพื้นที่ในการจัดเก็บซึ่งใช้เนื้อที่อย่างมาก นี้เป็นเพียงตัวอย่างที่ท้าทายของการจัดการโลจิสติกส์ในแต่ละอุตสาหกรรมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะอุตสาหกรรมแต่ละอย่างนั้นมีความแตกต่างกันแต่ก็ยังมีจุดที่สามารถใช้ความรู้จัดการด้านโลจิสติกส์ได้ 

Smart Logistics Lab จึงเปรียบเหมือนห้องทดลองให้ผู้เรียนได้ศึกษา ลองผิดลองถูก จากการวางแผนการจัดการโลจิสติกส์ในแบบต่างๆ เพื่อให้เข้าใจถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์กับการจัดการได้อย่างลึกซึ้ง จนสามารถวางแผนและออกแบบ Smart Warehouse ให้ตอบโจทย์ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน

ข้อมูลมหาศาลที่มาพร้อมกับ Smart Warehouse

ปกติการจัดการคลังสินค้า การจัดการพื้นที่การจัดเก็บ การจัดการจำนวนวัตถุดิบในการผลิต หรือการจัดการตรวจสอบสินค้าหมดอายุโดยไม่ได้เป็น Smart Warehouse ก็มีข้อมูลจากการประเภทต่างๆที่ถูกจัดเก็บมาเพื่อนำมาวิเคราะห์สถานการณ์ของคลังสินค้า และวางแผนในการขายและการจัดซื้ออยู่แล้ว เป็นงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับการคำนวณ วิเคราะห์ข้อมูลในคลังสินค้าอยู่เป็นปกติในสายงานนี้

แต่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากขึ้น ความรู้ความเข้าใจหรือวิธีในการทำงานรูปแบบเดิมย่อมเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของบริษัทที่เปลี่ยนแปลงไป หากบริษัทที่ยังคงทำงานอยู่แบบเดิมนั้นอาจจะสรุปได้ไม่เต็มตัวว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือสิ่งที่ไม่ดี มันอาจจะดีกับพนักงานที่ไม่ต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน มันอาจจะไม่ดีกับผลประกอบการของบริษัทหากการจัดการโลจิสติกส์มีช่องโหว่บางอย่างอยู่โดยไม่ทราบสาเหตุ ไม่ว่าคุณอยู่ในตำแหน่งอะไรขององค์กร เจ้าของกิจการ ผู้บริหารระดับสูง ผู้จัดการ หรือพนักงานใหม่ คุณสามารถเป็นจุดหนึ่งที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ธุรกิจได้ การทำงานแบบเดิมอาจจะทำให้บริษัทยังอยู่รอด แต่การปรับตัวกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปจะทำให้บริษัทเติบโต

Smart Warehouse ที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นนั้นขับเคลื่อนด้วยการจัดการคลังแบบอัตโนมัติ และสิ่งที่ตามมาคือมันจะรายงานผลเป็นข้อมูลจำนวนมหาศาล (Big Data) อีกทั้งข้อมูลยังรายงานเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน (Streaming Data) หากผู้ที่อยู่ในสายงานนี้ยังไม่รู้วิธีที่จะรับมือกับมาก่อนอาจจะส่งผลกับธุรกิจที่พยายามจะเปลี่ยนถ่ายองค์กรให้เข้ากับยุคดิจิตัล (Digital Transformation) สะดุดลงเพียงเพราะบุคลากรยังไม่พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงแต่เทคโนโลยีพร้อมแล้ว ด้วยเหตุนี้สาขาการจัดการโลจิสติกส์ นิด้า (LM NIDA) จึงได้เล็งเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากรด้านการจัดการโลจิสติกส์ให้พร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ด้วยการสร้าง Smart Logistic Lab

Smart Logistics Lab จึงเป็นดั่งห้องทดลองและเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นกระบวนการการวางแผน ออกแบบ Smart Warehouse และจากนั้นก็พัฒนาความรู้ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) พร้อมกับการเรียนรู้การทำนายผลหรือพยากรณ์สถานการณ์ของคลังสินค้าในอนาคต จากข้อมูลที่มีอยู่ในอดีตของบริษัท (Historical Data) ผนวกกับข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real-time Data Analytics) เพื่อการตรวจสอบ เฝ้าระวังเหตุการณ์และความเสี่ยงต่างๆที่เกิดขึ้นได้อย่างตรงจุด เพราะการคำนวณที่แม่นยำนั้นจะสะท้อนภาพรวม จนไปถึงภาพละเอียดของสถานการณ์ ทำให้ผู้ที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆของคลังสินค้าและแผนกที่เกี่ยวข้องวางแผนรับมือได้อย่างถูกต้อง

รวมถึงการสร้างกลยุทธระยะยาวที่ได้จากข้อมูลที่เหมาะสม ควรลงทุนเพิ่มพื้นที่คลังสินค้าหรือไม่ ควรลงทุนเพิ่มการกระจายสินค้าหรือไม่ ควรจัดเก็บสินค้าและวัตถุดิบแต่ละประเภทเป็นสัดส่วนเท่าไร จะเห็นได้ว่าการวางแผนกลยุทธทางการจัดการโลจิสติกส์ระยะยาวที่ใช้เงินลงทุนมหาศาล ล้วนแล้วต้องการคำนวณเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และได้กำไรสูงที่สุดโดยใช้ต้นทุนที่ต่ำที่สุดในการลงทุน เพราะท้ายที่สุดแล้วหัวใจของการจัดการโลจิสติกส์ก็คือ “Be in the right place at the right time” นั้นหมายถึงการนำวัตถุดิบหรือสินค้าให้อยู่ถูกที่ถูกเวลาถูกจำนวนเพื่อประหยัดต้นทุนมากที่สุด

LM NIDA มุ่งเน้นการเรียนรู้รองรับอนาคตของโลจิสติกส์

หากใครได้ติดตามบทความของสาขาการจัดการโลจิสติกส์ นิด้า (LM NIDA) เรื่องการพัฒนาโลจิสติกส์ในเขต EEC จะเห็นตัวอย่างชัดเจนที่ความรู้ทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytic) สามารถช่วยชี้ให้เห็นปัญหาที่ตรงจุดของการกระจายสินค้าได้อย่างไร LM NIDA ยังคงที่จะพยายามชี้ให้เห็นถึงอนาคตของวงการโลจิสติกส์และปรับการเรียนรู้ให้รองรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วย Smart Logistics Lab เพื่อเพิ่มศักยภาพของบุคคลากรในสายงานนี้ให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานทั้งในไทยและในระดับสากล อีกทั้งยังมุ่งเน้นให้ผู้เรียนทุกคนเข้าใจการวิเคราะห์ห่วงโซ่อุปทานเชิงลึกเพื่อให้สามารถวิเคราะห์ ค้นหาจุดสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อบริษัท และสามารถหาแนวทางแก้ไขและพัฒนาได้อย่างคุ้มค่าการลงทุนมากที่สุด

Smart Logistics Lab ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ประกอบการ ผู้ที่ทำงานในโลจิสติกส์ หรือนักศึกษาที่สนใจเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ เข้ามาเรียนรู้สถานการณ์จำลองขนาดย่อมเพื่อนำไอเดียและความรู้ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับการจัดการบริหารโลจิสติกส์ให้เหมาะสมกับบริบทของธุรกิจของแต่ละประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ล้วนแล้วต้องมีความเข้าใจในห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการจัดการคลังสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด การเรียนรู้ไม่สามารถหยุดได้หากโลกของธุรกิจกำลังเดินไปข้างหน้า การเลือกเครื่องมือและแผนรับมือที่เหมาะสมกับทรัพยากรของธุรกิจจึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกธุรกิจและบุคลากรต้องปรับตัวให้เหมาะสม

หากใครต้องการติดตามข้อมูลบทความเกี่ยวกับการนำความรู้ใหม่ในสาขาต่างๆมาประยุกต์กับธุรกิจ หรือแนวทางการวิเคราะห์เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ สามารถติดตามบทความได้ในแฟนเพจคณะสถิติประยุกต์ และหากท่านใดสนใจศึกษาหลักสูตรสาขาจัดการโลจิสติกส์ นิด้า (LM NIDA) ที่มุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรที่รองรับอนาคตของวงการโลจิสติกส์ คุณสามารถดูรายละเอียดหลักสูตรเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของคณะ สถิติประยุกต์ สาขาการจัดการโลจิสติกส์ นิด้า (LM NIDA) หรือ เว็บไซต์ของหลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์ นิด้า (LM NIDA)

Credit Photo by : https://unsplash.com/

 

 

เขียนโดย:

นายคเณศ ประกอบแก้ว
นักศึกษาปริญญาโท ภาคพิเศษ หลักสูตรการวิเคราะห์ธุรกิจและวิทยาการข้อมูล
สาขาวิทยาการข้อมูล (Data Science : DS)

เปิดรับสมัครปริญญาโท ภาคพิเศษ

บัดนี้ - 30 ตุลาคม 2564
Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on linkedin
LinkedIn
thThai